วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

พุทธรรมเบื้องต้น

สภาวะ 10 โลก
1.โลกนรก ความโกรธแค้นคือนรก เป็นสถานะที่ต่ำที่สุด หมายถึง สถานที่ที่ทุกข์ทรมานหรือเราอยู่ในสภาพที่มีความทุกข์ เช่น กลุ้มเรื่องหนี้สินเงินทอง ลูกไม่สบาย แม่กลุ้มใจ เป็นต้น
2. โลกเปรต ความโลภคือเปรต เป็นสภาพชีวิตที่อดอยากเนื่องจากมีความต้องการไม่รู้จักพอ เป็นสภาพชีวิตที่ถูกครอบงำด้วยความอยาก เช่น สภาพชีวิตของขโมยที่อยากลักทรัพย์ของคนอื่น
ความอยากของมนุษย์ มองได้ทั้งแง่บวกและลบ เช่น อยากจะศึกษาธรรม อยากจะสวมมนต์ เป็นความอยากที่เกิดแรงผลักดันให้มีความพยายามต่อสู้ เพื่อทำให้มีชีวิตที่เป็นอยู่ก้าวหน้าขึ้น พัฒนาขึ้น
สภาพความอยากของคนเราไม่มีขอบเขตจำกัด ตราบใดที่เรามีชีวิตอยู่ เราก็มีความอยาก ความปรารถนา เราไม่สามารถทำให้ความอยากหายไปได้ สิ่งสำคัญคือ เราต้องควบคุมความอยากความปรารถนาให้ดำเนินไปอย่างถูกต้อง
3. โลกเดรัจฉาน ความโง่เขลา คือ เดรัจฉาน เป็นสภาพชีวิตเหมือนกับสัตว์ที่กระทำไปตามสัญชาตญาณ โดยไม่ใช้เหตุผล มีชีวิตอยู่ท่ามกลางการแข่งขันเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด ปลาใหญ่กินปลาเล็ก มนุษย์ก็เช่นกัน สภาพชีวิตของคนที่ปฏิบัติต่อคนซึ่งมีตำแหน่งสูงกว่าหรือคนที่แข็งแรงกว่า ก็จะพูดจาประจบสอพลอ แต่คนที่ตำแหน่งด้อยกว่าหรืออ่อนแอกว่าก็จะวางท่าใหญ่โต ข่มเหงกลั่นแกล้งเขา สภาพชีวิตเช่นนี้ก็คือโลกเดรัจฉาน
4. โลกอสุระ ความคดเคี้ยวก็คือ อสุระ ความคดเคี้ยว คือ จิตใจที่คดเคี้ยว ชอบประจบ สอพลอ สภาพชีวิตที่ยึดตัวเองเป็นใหญ่ ไม่คำนึ่งถึงคนอื่น เอาแต่ผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก สภาพชีวิตที่แสดงความโกรธฉุนเฉียวขึ้นมาทันที และอยากให้ตัวเองเหนือกว่าผู้อื่นเอาชนะผู้อื่นตลอดเวลา มีจิตใจที่อิจฉาริษยา โกรธแค้น และโจมตีคู่ต่อสู้
5. โลกมนุษย์ ความสงบราบเรียบคือมนุษย์ เป็นสภาพชีวิตที่ได้รับความสงบสุขราบรื่น ในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น เวลาครอบครัวมีความสนุกสนานปรองดองกัน ก็คือ สภาพของโลกมนุษย์นั่นเอง
6. โลกเทวะ ความปิติยินดีก็คือ เทวะ เป็นสภาพชีวิตที่พึงพอใจตามความอยากความปรารถนาต่าง ๆ เป็นสภาพชีวิตที่ยินดีพอใจเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ สภาพชีวิตที่ร่าเริงเมื่อได้รับความดีใจมาก มีสภาพชีวิตเหมือเท้าแตะไม่ถึงพื้น เรียกว่า โลกเทวะ ความปิติยินดีของโลกเทวะไม่จีรังยั่งยืน เช่น อยากได้รถเมื่อซื้อรถแล้วก็ดีใจ แต่พอเห็นเพื่อนขับรถยี่ห้อที่ดีกว่า ก็เกิดวามรู้สึกอยากได้รถคันนั้น
โดยปกติแล้ว สภาพชีวิตของมนุษย์จะวนเวียนอยู่ใน 6 โลก ถ้ามีสภาพชีวิตที่สูงกว่า เรียกว่า 4 โลกอริยะ (ทวิยาน)
7. โลกสาวะ (ศึกษา) ที่เรียวกว่าสาวก เพราะเดิมทีหมายถึงการพังเสียงของพระพุทธแล้วถ่ายทอด ลูกศิษย์ที่ฟังเรียกว่า ผู้เป็นสาวก สภาพโลกสาวกเป็นสภาพชีวิตที่เข้าใจในความคิดเห็น และประสบการณ์ของคืนอื่น ๆ เป็นสภาพชีวิตที่พยายามพัฒนาให้ตัวเอง พยายามขัดเกลาตัวเอง และฝ่าหาความรู้ใส่ตัว
8. โลกปัจเจก (สมาธิ) เป็นสภาพชีวิตของการที่ได้กระทำอะไรบางอย่างแล้ว สามารถตระหนักรู้ในกฎเกณฑ์นั้น เช่น นักปราชญ์ที่สามารถค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่ตนถนัด
คนที่มีชีวิตของทวิยาน คือ โลกสาวกกับโลกปัจเจกแรงมาก มักกลายเป็นคนที่มีความเห็นแก่ตัวไม่แยแสผู้อื่น คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่
9. โลกโพธิสัตว์ เป็นสภาพชีวิตที่ให้ความสำคัญให้ความเมตตาต่อผู้อื่น เพื่อผู้อื่นแล้วไม่เสียดายความเหน็ดเหนื่อย และเป็นสภาพชีวิตที่เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่น ซึ่งพยายามมอบสิ่งที่ดีให้กับชีวิตของคนอื่น เช่น คนที่พยายามช่วยชีวิตคนในขณะประสบอุบัติเหตุ ด้านพุทธรรมอย่างพวกเรา คือ ออกเยี่ยมสมาชิก เป็นต้น
10. โลกพุทธ สภาพชีวิตที่สูงที่สุดของมนุษย์ โลกพุทธใช้เรียกการทำงานของชีวิตที่เปลี่ยนแต่ละโลกของชีวิตใน 9 โลกที่กล่าวมาข้างต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น