วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

ประวัติพุทธศาสนา

ประวัติพุทธศาสนา
พุทธศาสนามีมานานกว่า 3,000 ปี พระศากยมุนีทรงละทิ้งความสุขสบายต่าง ๆ เพื่อเสาะหาวิธีที่จะแก้ไขความทุกข์ยกของประชาชน และได้ค้นพบคำสอนสูงสุดที่เรียกว่า สัทธรรมปุณฑริกสูตร แต่ประชาชนสมัยนั้นยังไม่สามารถเข้าใจต่อคำสอนที่ท่านเทศนา ท่านจึงได้เปลี่ยนแนวทางการสอนโดยกุศโลบาย คือ ศีลธรรมที่เราเรียนในสมัยเด็ก สอนเรื่องศีล ทางพุทธศาสนาเรียกว่า พุทธศาสนาฝ่ายหินยาน มีความหมายว่า ยานลำเล็ก ที่สามารถช่วยเหลือเพียงชนกลุ่มน้อยเท่านั้น จนช่วง 8 ปีหลัง ก่อนที่ท่านจะเสด็จปรินิพพาน จึงได้สอนคำสอน ฝ่ายมหายาน คือ สัทธรรมปุณฑริกสูตร 28 บท และได้พยากรณ์ไว้ว่า จะมีศาสดาองค์อนึ่งปรากฏออกมาและจะเผยแผ่สัทธรรมปุณฑริกสูตรในสมัยธรรมปลาย
สัทธรรมปุณฑริกสูตร
สัทธรรมปุณฑริกสูตร เป็นคำสอนที่พระศากยมุนีพุทธเทศนาสั่งสอนต่อประชาชน 2 เรื่อง คือ
1. สอนว่าชีวิตของเรานั้นมีอยู่ตลอดกาล
2. สอนว่ามนุษย์ทุกคนมีสภาวะพุทธ(ชีวิตพุทธ) ที่สูงส่งอยู่ในชีวิตของทุกคน ภายหลังจากท่านปรินิพพานแล้ว พุทธศาสนาได้เผยแผ่ออกนอกประเทศอินเดีย โดยแยกออกเป็น 2 เส้นทาง
• คำสอนฝ่ายหินยานเผยแผ่ไปทางตอนใต้ เข้าสู่ประเทศไทย พม่า กัมพูชา และศรีลังกา
• คำสอนมหายาน ได้เข้าสู่ทางตอนเหนือ ได้แก่ประเทศจีน เกาหลี และญี่ปุ่น
พระเทียนไท้
หลังจากที่พระศากยมุนีพุทธได้ปรินิพพานไป 1,000 ปี คำสอนฝ่ายมหายานเข้าสู่ประเทศจีน พระเทียนไท้เข้าใจในหลักปรัชญาธรรมที่สูงส่งของสัทธรรมปุณฑริกสูตร ได้นำมาเขียนเป็นทฤษฎีธรรม เรียกว่า “หนึ่งขณะจิตสามพัน” เป็นการอธิบายถึงความลึกซึ่งของชีวิตว่า เป็นตัวตนที่เคลื่อนไหวได้ สามารถพัฒนาให้มั่นคงได้ และเปลี่ยนแปลงได้ทุกชั่วขณะ สิ่งสำคัญที่พระเทียนไท้ได้กล่าวถึงอยู่ในทฤษฎีธรรมนี้ก็คือ ธรรมชาติพุทธมีอยู่แล้วในชีวิตทุกคนเราเพียงแต่อาศัยปัจจัยสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตพุทธของเราปรากฏออกมา แม้ว่าพระเทียนไท้จะรู้ว่าปัจจัยสิ่งนี้คืออะไร แต่ก็มิได้เปิดเผย เพราะท่านรู้ดีว่า ขณะนั้นยังไม่ใช่แวลาที่เหมาะสม และคำสอนที่ถูกต้องนี้จะปรากฏและเผยแผ่ในช่วงสมัยธรรมปลาย

พระเด็งเงียว
หลังจากการดับขันธ์ของพระเทียนไท้ มีพระสงฆ์จากประเทศญี่ปุ่นหลายท่านเดินทางไปประเทศจีน เพื่อนำเอาคำสอนกลับไปเผยแผ่ที่ประเทศของตน พระเด็งเงียวเป็นพระสงฆ์รูปหนึ่งที่เดินทางไปศึกษาสัทธรรมปุณฑริกสูตร และนำกลับไปเผยแผ่ที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ปรัชญาธรรมที่ท่านสอนนั้นลึกซึ่งเกินกว่าที่จะเข้าใจ และยังต้องใช้เวลายาวนานในการบำเพ็ญเพียร คำสอนจึงถูกจำกัดอยู่ในวงแคบมีเพียงชนชั้นสูงที่มีความรู้เท่านั้น

พระนิชิเร็นไดโชนิน
พระนิชิเร็นไดโชนิน เกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1222 หมู่บ้านประมงเล็ก ๆ เดิมชื่อ เซ็นนิชิมาโร ศึกษาอยู่วัดคิโยสุมิ หลังออกบวชใช้ชื่อว่า เร็นโช ช่วงเวลานั้นประเทศญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาวะกลียุค ประชาชนได้รับความทุกข์จากสงคราม เกิดภัยพิบัติธรรมชาติที่ร้ายแรง เกิดโรคระบาด และได้รับความอดอยาก ทำให้คนเกือบครึ่งประเทศถูกทำลายไปสิ้น ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามการพยากรณ์ไว้ในสัทธรรมปุณฑริกสูตรว่า จะเกิดภัยสามวิบัติเจ็ดขึ้นอย่างแน่นอนในสมัยธรรมปลาย และสิ่งที่เลวร้ายกว่านี้คือ ศาสนาเองยังต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนให้บังเกิดความหวังได้ในชาตินี้ เช่น นิกายสุขาวดี พวกเขากลับชี้ชวนประชาชนว่าจะมีความสุขได้ต่อเมื่อเสียชีวิตไป ซึ่งทำให้ทุกคนยิ่งรู้สึกว่าชีวิตนั้นได้สูญสิ้นความหวังไปหมดแล้ว พระนิชิเร็นไดโชนินรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมชีวิตประชาชนจึงมีแต่ความทุกข์สาหัสมากมายเช่นนี้ ทำไมคำสอนพระพุทธศาสนาจึงไม่สามารถช่วยประชาชนให้พ้นทุกข์และช่วยโลกให้พ้นจากความวิบัติได้ ทำให้ท่านเริ่มต้นศึกษาค้นคว้าพระสูตรทั้งหมด เพื่อหาคำตอบ และสามารถรู้แจ้งว่า นัมเมียวโฮเร็งเงเคียว คือ เอกธรรมที่สูงสุดที่มีพลังต่อการช่วยเหลือประชาชนในสมัยธรรมปลายได้ พระนิชิเร็นไดโชนินจึงได้ประกาศคำสอนในวันที่ 28 เมษายน บนเชิงเขาคาซางะโมริ และได้เปลี่ยนชื่อเป็น นิชิเร็น แปลว่า สุริยประทุม และเริ่มเผยแผ่คำสอนโดยการสอนให้สวดนัมเมียวโฮเร็งเงเคียว จากนั้นท่านได้เตือนรัฐบาลว่า การเชื่อถือต่อคำสอนที่ผิดจะทำให้ประเทศชาติล่มจม และได้ยื่นบทความเรื่อง การก่อตั้งคำสอนที่ถูกต้องเพื่อให้ประเทศเกิดสันติ
ทั้งยังเสริมว่า คำสอนพระพุทธศาสนาอันแท้จริงมีจุดหมายอยู่ที่สันติภาพและความสุขของประชาชนทั้งหมด
จากจดหมายของพระนิชิเร็นไดโชนินนี้เอง ทำให้โฮฮจ โทขิโยริ ผู้มีอำนาจสูงสุดสมัยนั้นโกรธแค้นมาก หากลอุบายต่างๆ ที่จะทำร้ายพระนิชิเร็นไดโชนิน ถึงกลับนำตัวพระนิชิเร็นไดโชนินไปประหารชิวิต แต่ไม่สำเร็จ เป็นเหตุให้พระนิชิเร็นไดโชนินได้เปิดสภาพชีวิตพุทธแท้แห่งสมัยธรรมปลายออกมา ทันทีที่ท่านประกาศคำสอน ท่านได้รับการบีฑาธรรมมากมาย นับไม่ถ้วน แต่ที่ร้ายแรงและการบีฑาธรรมครั้งใหญ่ที่มีการจารึกไว้ มี 4 ครั้ง คือ
1. วันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.1260 การบีฑาธรรมที่ตำบลมัตจึบะงะยัตจึ
2. วันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ.1261 ถูกเนรเทศไปที่แหลมอิสึ
3. วันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ.1264 การบีฑาธรรมที่โคมัตจึบาระ
4. วันที่ 12 กันยายน ค.ศ.1271 การบีฑาธรรมที่ทัตสึโนคุจิ และวันที่ 10 ตุลาคม ถูกเนรเทศไปเกาะซาโด แต่พระนิชิเร็นไดโชนิน ก็ได้รับการปกป้องจากเทพธรรมบาลทุกครั้งในฐานะพระพุทธแห่งสมัยธรรมปลาย จนท่านสามารถจารึกโงะฮนซน เพื่อเป็นสิ่งสักการบูชาสูงสุดให้กับประชาชน และวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ.1281 ท่านก็ได้ดับขันธ์ที่บ้านพี่น้องอิเคงามิ หลังจากได้มอบธรรมทั้งหมดให้แก่พระนิกโคโชนิน ซึ่งเป็นการบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ในการเกิดมาของท่าน

3 ความคิดเห็น: